ประวัติวัด


(โดยสังเขป)
วัดตึก เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฎชัด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.๒๓๐๐ โดยสังเกตได้จากสิ่งก่อสร้าง ลักษณะของพระพุทธรูปในอุโบสถ คือส่วนต่างๆของอุโบสถมีสภาพเก่าคร่ำคร่า และทรุดโทรมมาก สำหรับพระพุทธรูปในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ลงรักปิดทองทั้งองค์ หน้าตักกว้างประมาณ 2 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร 40 เซนติเมตร ไม่ทราบชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ทราบเพียงว่ามีพระอาจารย์นิลปกครองอยู่สมัยหนึ่ง แต่จะปกครองอยู่เป็นเวลามากน้อยเท่าใด ไม่ปรากฎหลักฐาน คงตกเป็นวัดร้างอยู่เป็นเวลานานปี จนถึง พ.ศ.๒๔๒๐ พระอาจารย์เปี่ยมเข้ามาจำพรรษา มีความสามารถในการปกครอง จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปกครองดูแลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดนี้มีอุโบสถและศาลาสำหรับชาวบ้านทำบุญอยู่แล้ว แต่มีสภาพทรุดโทรม ใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆไม่ได้
เมื่อพระอาจารย์เปี่ยมเข้ามาจำพรรษาและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ตลอดจนถึงปกครองพระสงฆ์ให้ดีขึ้น ราว พ.ศ.๒๔๓๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ราว พ.ศ.๒๔๓๕ ทำพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ จึงใช้ประกอบพิธีสงฆ์ได้อย่างสมบูรณ์ ต่อมาพระอาจารย์ช้อย ติสโส ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ร่วมกับชาวบ้านปรับปรุงให้มีความเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ ปรากฏหลักฐานดังนี้ คือ
๑.      บูรณะอุโบสถครั้งใหญ่ โดยทำการรื้อถอนของเก่าและขยายส่วนต่างๆ ออก บูรณะเสร็จราว พ.ศ.๒๔๕๙
๒.    บูรณะฝาผนังอุโบสถที่มีรอยแตกร้าว อันเนื่องจากรากฐานไม่มั่นคง และถูกความกดดันจากส่วนบน บูรณะราว พ.ศ.๒๔๖๙
๓.     สร้างเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งที่หน้าบริเวณอุโบสถ คู่กับเจดีย์องค์เก่าที่มีอยู่ก่อน แต่จะสูงใหญ่เท่าใดไม่ได้คำนวณไว้
๔.     สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กตลอดบริเวณหน้าวัด ทิศเหนือจรดหน้าบริเวณกุฏีสงฆ์ ทิศใต้จรดหน้าบริเวณอุโบสถเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหาย ปัจจุบัยเขื่อนดังกล่าวบางส่วนผุพังไปมากแล้ว
ต่อมามีพระสงฆ์จำนวนมากขึ้น เสนาสงฆ์จำกัดไม่พอแก่จำนวนพระสงฆ์อยู่อาศัย จึงบอกบุญไปยังชาวบ้านเพื่อร่วมกันสร้างกุฏีสงฆ์ ครั้นพระอาจารย์ช้อยมรณะภาพ พระอาจารย์เจียม ธมมฉนโท(พระครูนนทสิทธิคุณ)ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน ร่วมมือกับชาวบ้านบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนสงฆ์ และสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ขึ้นหลายอย่าง ดังปรากฏหลักฐานดังนี้คือ
๑.      พ.ศ.๒๔๘๒ นายจำลอง นางสิน แก้วจินดา คหบดีแขวงบางอ้อ ธนบุรี สร้างอาคารเรียนถวาย ๑ หลัง เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น มีมุขยื่นออกกลาง และได้รับมอบให้ทางราชการ อำเภอเมืองนนทบุรี เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนต่อไป
๒.    พ.ศ.๒๔๙๙ บูรณะอุโบสถด้านหลัง ซึ่งถูกมหาวาตภัยคุกคามพังทลาย บูรณะจนสำเร็จ และใช้ประกอบพิธีสงฆ์ได้ถึงทุกวันนี้
๓.     พ.ศ.๒๕๐๔ ร่วมมือกับคณะกรรมการและชาวบ้านสร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นเดียว กว้าง ๑๙ เมตร ยาว ๔๐ เมตร และต่อเติมศาลาเล็กซึ่งอยู่ติดต่อกันด้วย

๔.     พ.ศ.๒๕๑๖ อนุญาตให้ทางราชการ ใช้ที่ดินของวัดสร้างอาคารเรียน ๑ หลัง แบบ ๐๑๗ และบ้านพักครู ๓ หลัง
๕.      ร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันต่อเศียรพระพุทธรูป ๕ องค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ลงรักปิดทองทั้งองค์ ซึ่งถูกผู้ร้ายลักตัดเศียรไป
๖.    พ.ศ.๒๕๒๒ ร่วมมือกับชาวบ้านสร้างกุฏิสงฆ์ ๑ หลัง แบบทรงไทย ๒ ชั้น กว้าง ๖ เมตร ๑๐ เซ็นติเมตร ยาว ๑๕ เมตร
๗.     พ.ศ.๒๕๒๕ ร่วมมือกับคณะกรรมการและชาวบ้านสร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง เป็นตึก ๒ ชั้น กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๘ เมตร และได้ร่วมบริจาคสมทบทุน ๑ แสนบาท แต่ไม่ทันแล้วเสร็จ ท่านก็ได้มรณะภาพเสียก่อน

พระครูนนทสิทธิคุณ (หลวงปู่เจียม ธมมฉนโท) มรณะภาพแล้ว พระคำหมุน ธมมวีโร รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการปกครอง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ เป็นต้นมา ได้พัฒนาวัดวาอารามตามที่ปรากฎดังนี้คือ
-  อบรมพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในระเบียบวินัยสงฆ์
- ส่งเสริมพระภิกษุสามเณรให้เล่าเรียนศึกษานักธรรมละบาลี
- เป็นครูสอนนักธรรมแก่พระภิกษุสามเณร
- อบรมศีลแก่ชาวบ้าน โดยอบรมด้วยตนเองบ้าง จัดพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาบ้าง โดยเฉพาะวันธรรมสวนะหรือวันพระ จะจัดพระสงฆ์แสดงธรรมทุกวัน
- ร่วมกับคณะกรรมการและชาวบ้าน ก่อสร้างหอสวดมนต์ที่สร้างค้างอยู่
- ถมดินบริเวณที่ลุ่มให้สูงพ้นระดับน้ำท่วมถึง
- ร่วมกับครู-อาจารย์โรงเรียน ทำการย้ายอาคารเรียนหลังเก่าซึ่งสร้างมาเป็นเวลานาน ไปใว้ใกล้กับโรงเรียนหลังใหม่

     วัดตึกนี้มีเจ้าอาวาส หรือ ผู้ปกครองวัด ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน ๕ รูป คือ
๑.      พระอาจารย์นิล (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๒.    พระอาจารย์เปี่ยม (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๓.     พระอธิการช้อย ติสโส (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๔.     พระอธิการเจียม ธมมฉนโท (พระครูนนทสิทธิคุณ)
๕.      พระอธิการคำหมุน ธมมวีโร

อนึ่งวัดตึกนี้มีสิ่งที่น่าปลื้มมากก็คือ ในอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ ๕ องค์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ประชาชนชาวบ้านนับถือกราบไหว้บูชาเป็นประจำ และหน้าบันอุโบสถประดับด้วยถ้วยชามลายคราม สววยงาม น่าชม  ปัจจุบันวัดตึกนี้ระหว่างเข้าพรรษาทุกปี วันธรรมสวนะหรือวันพระ เวลาเช้าจะมีประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรกันมากมาย โดยเฉพาะวันมาฆบูชา และวันวิสาขบูชาเป็นต้น ซึ่งเป็นวัดบูชาใหญ่ นอกจากเวลาเช้า จะมีประชาชนมาร่วมทำบุญตักบาตร สมาทานศีล และฟังธรรมเทศนาแล้ว ตอนเย็นหรือค่ำจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากนำดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะไปเวียนอุโบสถครบสามรอบ แล้วนำไปร่วมบูชาที่หน้าพระประธานในอุโบสถ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง นอกจากที่กล่าวแล้ว วัดนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการประกอบกิจกรรมต่างๆของทางราชการซึ่งเกิดขึ้นภายหลังอีกด้วย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น